.

5/28/2552

Ip Man – ยิปมัน จ้าวกังฟูสู้ยิบตา (2008, Wilson Yip)

http://i274.photobucket.com/albums/jj263/mihk2002/ipman.jpg

ดอนนี่ เยน หรือเจิ้งจื่อตัน พระเอกหนังกังฟูที่ร้อนแรงที่สุดของฮ่องกงในยุคนี้ กลับมาพบกับเราเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ เรียกว่าเอากันให้เบื่อไปข้างนึงเลย ข่าวดี (หรือจะเป็นข่าวร้าย สำหรับคนที่เริ่มเบื่อหน้าเฮียแกแล้ว) ก็คือ ครั้งนี้เราจะได้ดูเจิ้งจื่อตันกันแบบเต็มๆ ไม่ได้มีสภาพเป็นเพียงตัวละครตัวหนึ่งอย่างหนังสองเรื่องที่ผ่านมา ที่ดีไปยิ่งกว่าก็คือ หนังออกมาโอเคมากๆ เป็นหนังกังฟูแบบ Traditional ที่สร้างความพึงพอใจได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Fearless ของหลี่เหลียงเจี๋ยเลย

ฉากหลังที่ถูกเลือกใช้คราวนี้ ไม่ใช่โลกแห่งอาชญากรรมอย่างงานสองเรื่องก่อนของเขาแล้ว แต่เป็นรอยต่อของปลายสมัยราชวงศ์ชิง และช่วงเวลาแห่งการปฏิวิตของจีนนั้น อันเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับหนังกังฟูฮ่องกงมาช้านาน ผู้สร้างหนังสามารถตักตวงผลประโยชน์จากเนื้อหาทำนอง ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการรุกรานของชาติ อันนำมาซึ่งกระแสความรักชาติ ที่สามารถเรียกร้องความสนใจจากคนดูได้ดีนักแล

หนังในลักษณะนี้มียุคสมัยที่ไม่ห่างไกลจนเกินไปนัก การหยิบเอาบุคคลสำคัญที่มีตัวตนอยู่จริงมาสร้าง ก็ดูจะเป็นแต้มต่อที่ทำให้คนดูรู้สึกใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ อาจารย์ฮัวหยวนเจี่ยจากเทียนจิน หรืออาจารย์หวงเฟยหงจากฝอซัน เช่นเดียวกับครูมวยจากฝอซันอีกท่าน อย่าง อาจารย์ยิปมัน

หนังเรื่อง Ip Man เล่าเรื่องของครูมวยหยงชุนที่โด่งดังอีกท่าน ยิปมัน (หรือภาษาจีนกลางอ่านว่า เยี่ยเหวิน) ที่มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1893 – 1972 ลูกชายของตระกูลผู้มั่งมีแห่งฝอซาน ความโด่งดังของท่านนั้นสืบเนื่องมาจาก ลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่ได้มีโอกาศเรียนรู้มวยหยงชุนกับท่านอยู่ระยะสั้นๆ ประมาณ 3 ปีในช่วงยุค 50

ลูกศิษย์คนดังกล่าวก็คือ ไอ้หนุ่มมังกรน้อยหลี่ซิ่วหลง หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามว่า บรูซ ลี ดารานักบู๊ชาวฮ่องกงผู้ล่วงลับนั้นเอง ถ้านับเอาอิทธิพลของบรูซ ลีต่อวงการมวยจีนแล้ว ก็อาจจะนับได้ว่าเขาเป็นครูมวยที่มีลูกศิษย์มากที่สุดในโลก อิทธิพลจากหนัง 6 เรื่องที่บรูซ ลี ได้ฝากเอาไว้ได้เป็นแรงบัลดาลใจแก่ เด็กหนุ่มเด็กสาว นับไม่ถ้วนให้สนใจในศาสตร์ชนิดนี้ ถ้ามองกันในมุมนี้ ยิปมัน ก็ถือว่าเป็นอาจารย์ปู่ ของคนมากมายเหล่านั้นไปด้วย

หยงชุน เป็นมวยรูปแบบหนึ่งของจีน ในตำนานผู้ที่บัญญัติเพลงมวยชนิดนี้ คือ จอมยุทธหญิงนามว่า หยิ่มหยงชุน (Yim Wing-Chun) ด้วยความที่เป็นมวยที่คิดค้นมาโดยสตรี หยงชุนเป็นวิชาที่เน้นหนักในการต่อสู้ประชิดตัว กระบวนท่าไม่ได้หวือหวา แต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน รุนแรงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เน้นประสิทธิภาพมากกว่าลีลา ซึ่งเอกลักษณ์ของต่างๆ ของหยงชุน นั้นก็น่าจะสามารถเชื่อมโยงไปถึง มวยจิกุนโด เพลงมวยดัดแปลง อันโด่งดังของบรูซ ลี ได้ไม่มากก็น้อย

Ip Man ถูกสร้างโดยแฟนพันธ์แท้คนหนึ่งของ บรูซ ลี อย่าง เจิ้งจื่อตัน ที่กลับมาแสดงหนังกังฟแบบเทรดดิชันนัลอีกครั้ง และเป็นครั้งแรกของผู้กำกับคู่หูของเขาอย่าง Wilson Yip ที่มาจับงานประเภทนี้ หนังสร้างโดยบริษัท Mandarin Film ที่ตัดหน้า ผู้กำกับขวัญใจคนเหงาอย่าง หว่องกาไว ซึ่งคาดหวังที่จะนำชีวะประวัติของครูมวยท่านนี้ มาขึ้นจอเช่นเดียวกัน และประกาศล่วงหน้ามาก่อนหลายปีโดยจะให้เหลียงเฉาเหว่ย มารับบทดังกล่าวแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้สร้างซักที

เรื่องราวใน Ip Man คาบเกี่ยวเอาช่วงเวลาหลายปี ของปรจารย์หย่งชุน เมื่อชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ครูมวยหนุ่มใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดด้วยความเรียบง่าย สมถะ กับภรรยา และบุตรชาย ในบ้านหลังใหญ่ของตระกูล แม้จะไม่คุยโต ไม่รับลูกศิษย์ หรือเที่ยวโฆษณาความเก่งกาจของตนเอง แต่ชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าของเขาก็กลายเป็นที่กล่าวขวัญ เป็นที่นับหน้าที่นับหน้าืถือตาในชุมชน

เรื่องราวถูกมาถึงจุดหักแหในอีกหลายปีต่อมา เมื่อความร้อนแรงของสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ยาตรามาถึงจีนแผ่นดินใหญ่ และเมืองฝอซัน ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกหย่มหญ้าเมื่อ กองทัพญี่ปุนเหยียบลงบนฝืนแผ่นดิน ชีวิตอันยากลำบาก การกดขี่เหยียดหยาม โดยเฉพาะนายทหารญี่ปุ่น รับอาสาสมัครคนจีน เพื่อเป็นกระสอบทรายแก่ โรงฝึกคาราเต้ของทหาร แลกกับข้าวสารหนึ่งถุง ยิปมัน ถูกบีบบังคับให้เข้าประลองกับนักคาราเต้ จนไปเตะตานายทหารยอดนักสู้คนหนึ่งที่หวังจะดึงตัวเขาเข้ามา เป็นครูฝึกทหารญี่ปุ่น ยิ่งไปกว่านั้น ทหารนักคาราเต้ ยังหวังพิสูจน์ฝีมือกับยิปมัน เพื่อค้นหาว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า

Ip Man เดินตามขนบของหนังกังฟูประเภทชาตินิยมอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การจับเอากังฟูมาปะทะกับคาราเต้ รวมถึงตัวละครประเภทพิมพ์นิยมทั้งหลาย ไล่กันตั้งแต่ คนต่างชาติที่โหดเหี้ยมเกินมนุษย์, ชาวจีนทรยศ, ภรรยาผู้แสนดี, ความสูญเสีย และการแก้แค้น

ในการพัฒนาของเนื้อเรื่อง หนังจะไม่ได้มีความแตกต่างทางเนื้อหา จากหนังในแนวทางเดียวกันมากนัก แต่ Ip Manก็ยังแสดงออกถึงความน่าสนใจในทางเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างตัวละครเอกของเรื่อง อย่างอาจารย์ยิปมันเอง แม้จะมีภาพลักษณ์ทำนอง ฮีโร่ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน อยู่บ้าง แต่โดยรวม ตัวละครยิปมัน ก็ถือว่าถูกเพิ่มเติมความเป็นมนุษย์เข้าไป

หนังพูดถึงการดิ้นรน และการแสดงออกของตัวเอก ต่อปัญหาพื้นฐานของชีวิต ทั้งความตกต่ำใน ความยากจน สิ่งต่างๆ เหล่านี้มากระทบถึงความเป็นอยู่ของลูก และภรรยา รวมถึงชุมชนรอบตัวที่ล่มสลายไปเบื้องหน้า ยิปมันก็ยังแสดงเรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างควบคุมได้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ หนทางสำหรับเขาเริ่มตีบตันลงทุกๆ ที ที่สำหรับผมถือว่าสะเทือนใจกว่า เรื่องชาติ เรื่องเกียรติ อะไรทำนองนั้นเสียอีก

ในทางเนื้อหาหนังมีความน่าสนใจในระดับหนึ่ง ส่วนในทางความเป็นหนังกังฟูหนังสามารถนำเสนอความน่าตื่นตาตื่นใจใน งานนี้ เจิ้งจื่อตัน ไม่ได้รับหน้าที่กำกับคิวบู๊งานหลายๆ เรื่องในช่วงหลังของเขา แต่ยกตำแหน่งให้กับดารากังฟูรุ่นเก๋าอย่าง หงจินเป่า เป็นผู้รับสัมปทานไปแทน สำหรับหนังกังฟูที่เสนอความสมจริงค่อนข้างมากแบบ Ip Man นั้น ตัวเลือกอย่างหงจินเป่า อาจจะเป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดเดาซักเล็กน้อย แต่ถ้าคิดตามงานเก่าๆ ของ ก็จะพบว่า ดาวบู๊ร่างใหญ่ให้ความสนใจกับเพลงมวยชุดนี่ อยู่พอสมควรโดยเฉพาะงานที่ว่าด้วยชีวะประวัติครูมวยหย่งชุน ที่ชื่อว่า เหลียงจ้าน มาแล้วถึงสองเรื่อง Warriors Two และ The Prodigal Son ที่ลงทุนว่าจ้างครูมวยหยงชุนตัวจริง มาให้คำปรึกษาด้วยเลย

ความสมจริง หรือความรุนแรง อาจจะเป็นวลีที่ซ้ำซากน่ารำคาญ เมื่อถูกนำมาอธิบายหนังกังฟูยุคใหม่โดยทั่วไป แต่ดูจะยิ่งมีความมากขึ้นในหนังเรื่องนี้ ลีลาเพลงมวยหย่งชุน ดูน่าเชื่อถือในแบบศิลปะป้องกันตัวแท้ๆ

ดาราบู๊ทั้งคุ้นหน้า และไม่คุ้นหน้าถูกเลือกมารับมือรับเท้า เจิ้งจื่อตัน ในเรื่องรวมถึง อดีตพระเอกหนังกังฟูชั้นรองฟานซิ่วหว่อง ที่พักหลังกลับมาแจ้งเกิดใหม่ กับบทประกอบในหนังแอ็กชั่นทุนสูงหลายๆ เรื่อง โดยภาพรวมแล้วผมชอบการดีไซท์เหล่าตัวละคร ดูติดดินเป็นคนธรรมดา ไม่ได้ให้ภาพของจอมยุทธดูมีวรรณะเหนือคนธรรมดา อย่างหนังกังฟูโดยทั่วไป

Ip Man ยังคงมีส่วนผสมแบบหนังกังฟูขั้นพื้นฐานอยู่ไม่น้อย การเน้นเรื่องราวชาตินิยม การผูกสถานการณ์อย่างจงใจ เพื่อพาไปหาฉากต่อสู้ Ip Man ดูจะประสบปัญหาการเล่าเรื่องที่ประกอบไปด้วย เหตุการณ์ และตัวละครมากมาย จนต้องใช้ตัวอักษรมาช่วยบรรยายเรื่องราวเพิ่มเติม (ที่เข้าใจว่าอ้างอิงมาจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อยู่พอสมควร อย่างน้อยก็ในปากคำของผู้ที่เกี่ยวข้อง) ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับงานเก่าๆ ของ ของ Wilson Yip กับ เจิ้งจื่อตัน อย่าง SPL และ Flash Point ที่เรียกได้ว่าเล่าเรื่องกันได้จบในบรรทัดเดียว ทำให้หนังดูกระจัดกระจายขาดจุดโฟกัสที่สำคัญไป

บาดแผลสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นก็คือ การที่เนื้องเรื่องของหนังไม่สามารถผลักดัน ความตึงเครียด ความหมาย และพลังไปสู่ฉากต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันฉากต่อสู้ส่วนใหญ่ในเรื่อง ก็ไม่สามารถส่งแรงพระเพื่อม ไปถึงความเป็นดราม่าร์ของหนังได้ซักเท่าไหร่นัก

ความอ่อนแอของการดำเนินเรื่อง ส่งผลต่อไปเนื่องไปถึงตัวละคร และนักแสดงในเรื่อง ที่มีภาพเป็นเพียงตัวประกอบอย่างแท้จริง มีบทบาทอันเบาบาง ไมน่าจดจำ ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ตัวละครพวกพ้องของยิปมัน จนไปถึงคู่ต่อกรทั้งชาวจีน และญี่ปุ่น ที่ดูมีรายละเอียดจำกัด จึงได้มาแค่ตัวละครแบนๆ เท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียง หลินเจียต่ง ผู้รับบทล่ามชาวจีน ที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก้มหัวให้กับกองทัพต่างชาติ ที่พอจะมีให้ไรให้ได้สัมผัสกันบ้าง

Ip Man เป็นหนังที่สร้างด้วยความคาดหวังอันสูงลิ้ว พูดได้ไม่เต็มปากนะครับว่าหนังสามารถตอบแทนความคาดหวังนั้นได้ ถึงที่สุดอาจจะต้องรอคอย ยิปมัน ของหว่องกาไวกันต่อไป ถ้าต้องการความลึกซึ้งทางเนื้อหา (ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะถูกสร้างออกมาเมื่อไหร่ และเหมือนว่าจะมีแนวโน้มที่จะถูก Ip Man 2 ของเจิ้งจื่อตัน ที่พึ่งประกาศการสร้างออกมา แซงไปอีกคำรบก็ได้) อย่างไรก็ตามในความเป็นหนังกังฟู ก็นับว่าเป็นงานที่น่าสนใจ มีองค์ประกอบที่แฟนหนังแนวนี้จะต้องพึ่งพอใจ และยังขยายขอบเขตการเล่าเรื่องไปได้ แม้จะลงตัวน้อยกว่างานเก่าๆ แต่ทีมงาน Wilson & Donnie ก็แสดงออกว่าไม่ได้ต้องการจะหากินกับแนวทางเดิมๆ กันตลอดไป